สำหรับคนรักรถ และกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ มาดูแลรักษารถยนต์ของเราให้สวยงาม เงาวาว มีมิติ เหมือนได้รถคันใหม่อยู่เสมอ เราควรเลือกผลิตภัณฑ์ “ล้างรถ” และ “ขัดเคลือบสี” ให้เหมาะกับการใช้งาน แต่ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ “ล้างรถ” และ “ขัดเคลือบสี” มีมากมายหลายยี่ห้อและหลายรุ่น แต่ละอย่างมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แบบไหนเหมาะกับการใช้งานอย่างไร เรามาดูกันเลย
ประเภทของผลิตภัณฑ์ล้างรถยนต์
1.แชมพู สามารถขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างสะอาด และไม่เป็นอันตรายต่อสีรถยนต์ ก่อนใช้งานควรผสมในอัตราส่วนที่ยี่ห้อนั้นๆ กำหนด นอกจากนี้บางชนิดยังผสมสารที่เพิ่มคุณสมบัติต่างๆ เพื่อความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ ยกตัวอย่างเช่น
1.1 แชมพูล้างรถที่มีสูตร ไม่ชะล้างแว็กซ์ และเพิ่มสารหล่อลื่น สามารถล้างฝุ่นผงออกจากตัวรถได้อย่างรวดเร็ว
1.2 แชมพูล้างรถพร้อมเคลือบสีรถ ซึ่งมีสารเพิ่มความเงา และฟิล์มปกป้องในขณะล้างรถยนต์ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาในการเคลือบสีหลังจากการล้าง ดังนั้นควรใช้แชมพูล้างรถที่มีสารเหล่านี้
2.โฟม คือผลิตภัณฑ์ที่มาจากฟองที่เกิดจากการผสมหัวเชื้อลงไป และสำหรับการใช้ทำความสะอาด โดยโฟมที่ดีจะมีฟองแน่นและละเอียด เกาะอยู่ติดกับรถ แห้งช้า ง่ายต่อการเช็ด ส่วนจุดเด่นอีกอย่างคือ สามารถดูดฝุ่นทรายขึ้นจากพื้นผิวรถยนต์ ทำให้ไม่เกิดรอยขนแมว
จากข้างต้นจะเห็นได้ว่าน้ำยาล้างรถมีคุณสมบัติมากกว่าการขจัดคราบสกปรก เพราะแต่ละยี่ห้อมีการเติมเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไปเป็นส่วนผสม เพื่อป้องกันการชะล้างแว็กซ์ที่เคลือบอยู่บนตัวรถในขณะล้างรถ หรือสารเพิ่มความเงา เป็นต้น
การขัดสีรถยนต์
เมื่อล้างรถให้สะอาดแล้ว ขั้นตอนถัดมาคือการเตรียมรถยนต์ให้พร้อมสำหรับการเคลือบสี เริ่มจากใช้ดินน้ำมันสำหรับทำความสะอาดรถยนต์ ซึ่งจะช่วยดึงคราบสกปรกฝังลึกที่ล้างไม่ออก เช่น คราบยางมะตอย, มูลนก, ยางไม้ และอาจมีการใช้ Cleaner ช่วยทำความสะอาด (บางยี่ห้อจะมีสารลบหรือกลบริ้วรอยผสมอยู่ด้วย) การขัดสีมีความสำคัญในการเตรียมพื้นผิว เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการเคลือบสี ก่อนที่จะเลือกน้ำยาเคลือบสีรถยนต์มาใช้งานต่อไป
ประเภทของน้ำยาเคลือบสีรถยนต์
1.แว็กซ์ มี 2 ประเภทได้แก่ ประเภทครีม และประเภทน้ำ เน้นความฉ่ำของสีผิวรถยนต์ ไม่เน้นการป้องกันมลภาวะต่างๆ มากนัก หรือจะพูดได้อีกอย่างว่าเน้นการให้ความสวยงาม ให้มิติของพื้นผิวรถยนต์โดยเฉพาะ ส่วนงบประมาณในการลงทุนนั้นไม่สูงมากนัก ข้อเสียคืออายุการใช้งานสั้น ต้องเคลือบแว็กซ์อยู่บ่อยๆ ทุกเดือน สำหรับรถยนต์สีดำที่ค่อนข้างดูแลรักษายาก ในปัจจุบัน ได้มีหลากหลายยี่ห้อมาตอบโจทย์ เพื่อคนรักรถยนต์สีดำโดยเฉพาะได้แก่
1.น้ำยาดูแลสภาพสี ฟื้นฟูสภาพสี คืนความเงางาม ปราศจากรอยขีดข่วน หรือขนแมว
2.น้ำยาเคลือบสี เพื่อความดำขลับ พร้อมสารปกป้องยูวีให้แก่ตัวรถ
3.น้ำยาหล่อลื่น และทำความสะอาดพร้อมแว็กซ์ ช่วยให้น้ำยาทั้ง 2 ขวดข้างต้นใช้งานง่าย สะอาดลื่น และปกป้องริ้วรอยที่เป็นวงกลม
2. น้ำยาเคลือบซิลิโคน จะให้ความเงางาม ใสราวกระจก (รองจากการเคลือบแก้ว) มีชั้นพื้นผิวที่แข็งแรงกว่าแบบแรก แต่ปกป้องสีจากมลภาวะได้ เช่น ยางไม้ มูลนก ฝุ่น ควัน ลดปัญหาคราบน้ำต่าง ๆ ที่มักมากัดสีผิวรถ ป้องกันรอยขนแมว แสงยูวี ประมาณ 1 ปี ส่วนราคาอยู่ในระดับกลาง ๆ
แต่ข้อดีของการเคลือบซิลิโคน (Silicone Coating) คือราคาถูก และมีคุณสมบัติเหมือนการเคลือบแก้ว แต่จะให้ความเงางาม และการปกป้องในระดับหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้มันไม่ได้แข็งแรงเท่ากับการเคลือบแก้ว3.น้ำยาเคลือบแก้ว ส่วนใหญ่ผู้คนมักจะใช้บริการที่ร้านล้างรถยนต์ เพราะมีขั้นตอนในการทำหลายขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การล้างรถ เช็ดน้ำออกให้หมด ขัดเตรียมผิวจนสะอาด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด และร้านล้างรถยนต์ต้องเตรียมสถานที่ที่ไม่มีฝุ่น ก่อนทำการเคลือบแก้ว
สำหรับการเคลือบแก้ว (Glass Coating) แม้จะมีคุณสมบัติเหมือนกับการเคลือบซิลิโคน แต่ประสิทธิภาพ และระยะเวลาใช้งานนั้นดีกว่า ซึ่งน้ำยาเคลือบแก้วจะให้ความหนาตั้งแต่ระดับ 1-9 H ซึ่งน้ำยาเคลือบแก้วถูกพัฒนามาจากสารซิลิกา (Silica) และความคงทนนั้นจะขึ้นอยู่กับความหนาของชั้นเคลือบ ทั้งนี้เมื่อเคลือบไปแล้ว มีวิธีการที่จะปกป้องสุงสุดในปัจจุบัน ด้วยการดูแลบำรุงรักษาทุก 6 เดือน เพื่อให้สีรถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน 2-5 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำยาที่ใช้
สำหรับเกณฑ์การพิจารณาในการเลือกซื้อน้ำยา “ล้างรถ” และ ”ขัดเคลือบสี” ควรพิจารณาคุณสมบัติในแต่ละยี่ห้อที่จะเลือกใช้ให้ตรงกับความต้องการ และงบประมาณที่ตั้งไว้ รวมถึงระยะเวลาสำหรับการดูแลด้วยตนเอง ตั้งแต่การล้างไปจนถึงการเคลือบสีรถยนต์จนเสร็จ
หากเพื่อน ๆ คนไหนกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ น้ำยาทำความสะอาด และขัดเคลือบรถยนต์เหล่านี้ อย่าพลาดมาเลือกซื้อได้ที่ https://selling-car-cleaners.blogspot.com/
Ecommerce